18 พฤษภาคม 2563 : สานต่อภารกิจ
“AIS 5G สู้ภัยโควิด-19” ต่อเนื่อง
นำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันเข้าเสริมทัพสาธารณสุข พาประเทศฝ่าวิกฤต ล่าสุดผนึก
กระทรวงสาธารณสุข ติดอาวุธ อสม. นักรบ
เสื้อเทา
เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แบบครบวงจร ตั้งแต่ระดับรากฐานไปจนถึงการรายงานผลภาพรวมในระดับประเทศ
โดยการพัฒนาใหม่ฟีเจอร์บนแอปพลิเคชัน อสม. ออนไลน์ ช่วย อสม. ให้สามารถ
เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง คัดกรอง และติดตามกลุ่มเสี่ยงโควิด-19
ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมมอบ “ซิมฮีโร่” พิเศษเพื่อสมาชิก
อสม. ให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้แบบไม่มีสะดุด
พร้อมส่งความห่วงใยมอบฟรีประกันภัยโควิด-19
เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจป้องกันการแพร่ระบาดรอบ 2
จากกรณีที่ปัจจุบันการตรวจพบผู้ติดเชื้ออยู่ในอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐ ความร่วมมือของประชาชนที่ร่วมกันเว้นระยะห่างทางสังคม
(Social Distancing) รวมไปถึงการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
และ อสม.
ทั่วประเทศที่ทุ่มเททั้งแรงกาย
และแรงใจ ในการรักษา ฟื้นฟู
และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสชนิดนี้อย่างหนักมาโดยตลอด
แต่ทว่ามาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ภาครัฐกำลังผ่อนปรนให้หลายๆ
ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง
อาจจะเป็นตัวจุดชนวนการแพร่ระบาดของเชื้อในระลอกที่ 2
ได้
จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “นับจากวันที่
เอไอเอส ได้ประกาศวิสัยทัศน์ในการนำพลานุภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ 5G สนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์
พยาบาล ยกระดับงานสาธารณสุขให้สามารถทำงานเชิงรุก ควบคุมการแพร่ระบาดของ
โควิด-19
ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันเราได้ทยอยส่งมอบการสนับสนุนดังกล่าว
เป็นงบประมาณกว่า 177 ล้านบาท สู่ทีมแพทย์
พยาบาลด่านหน้าในการรับมือวิกฤตในครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมขยายเครือข่ายติดตั้งสัญญาณ 5G ในโรงพยาบาลที่รับตรวจโควิด-19
แล้วกว่า 161 โรงพยาบาลทั่วประเทศ และตั้งศูนย์เฉพาะกิจ AIS Robotic Labs พัฒนา
Robot for Care หุ่นยนต์ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่ตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19
ช่วยรักษาระยะห่างระหว่างหมอและคนไข้ ส่งมอบแล้ว 23
ตัว ให้กับโรงพยาบาล 22 แห่ง ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภารกิจของทีมแพทย์
พยาบาลได้อย่างดี”
“แม้วันนี้สถานการณ์โรคโควิด-19
ของประเทศไทย จะผ่านจุดวิกฤตมาแล้ว
จากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลเริ่มคลายล็อกดาวน์
เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้
ในทางกลับกันก็อาจเป็นการเพิ่มโอกาสความเสี่ยงที่จะเพิ่มปริมาณผู้ติดเชื้อในระลอก 2
ได้ ดังนั้นการเฝ้าระวัง ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ในชุมชนทั่วประเทศ จากการทำงานของกลุ่ม
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ฉายา “นักรบเสื้อเทา”
ที่มีอยู่กว่า 1 ล้าน 5
หมื่นราย จึงมีความสำคัญสูงสุด ในการสกัดกั้นการระบาดในระลอกที่ 2”
นายสมชัย กล่าวว่า “ที่ผ่านมากว่า
4 ปี เราได้นำความรู้ ความเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ร่วมเสริมขีดความสามารถการทำงานของภาคสาธารณสุขไทย โดยมุ่งเน้นไปที่สาธารณสุขระดับมูลฐาน
ทั่วประเทศ ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ
อสม. ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในระบบสาธารณสุขของไทย เพราะเป็นจิตอาสาที่มีความใกล้ชิดกับคนในชุมชน
และเป็นเครือข่ายการทำงานของหน่วยบริการสุขภาพ และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ซึ่งทำหน้าที่ให้ความรู้ด้านการรักษาพยาบาล ฟื้นฟู ส่งเสริม สภาพร่างกายและจิตใจ
ตลอดจนป้องกันโรค ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลแอปพลิเคชัน อสม. ออนไลน์ เครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่มการทำงานด้านสาธารณสุขชุมชนเชิงรุกระหว่างหน่วยบริการสุขภาพและ
อสม. ทั้งนี้ปัจจุบันมี อสม.ดาวน์โหลดและใช้งานแอปนี้แล้วกว่า 4
แสน 1 หมื่นราย
โดยล่าสุด
เพื่อร่วมแบ่งเบาและเสริมขีดความสามารถของ อสม.ยุคดิจิทัล ในสถานการณ์โควิด-19
เอไอเอส จึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลโซลูชันมาสนับสนุนการทำงานของ อสม.
นักรบเสื้อเทาเพิ่มเติม ดังนี้
1) พัฒนาฟีเจอร์ใหม่
“คัดกรองและติดตาม COVID-19” บนแอปพลิเคชัน
อสม. ออนไลน์
สนับสนุนแนวทางการทำงาน
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่จัดกิจกรรม "อสม.เคาะประตูบ้านต้านโควิด-19" โดยพัฒนาฟีเจอร์คัดกรองและติดตามโควิด-19 บน
แอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ เพื่อให้ อสม.ใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังความเสี่ยง
คัดกรอง และติดตามผลกลุ่มเสี่ยงผู้ติดเชื้อโควิด-19
ในชุมชน ด้วยรูปแบบรายงานดิจิทัลที่ อสม.สามารถบันทึกได้ง่าย สะดวก
รวดเร็วในการติดตามผล และเรียลไทม์
ทางมือถือ ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต. สาธารณสุขอำเภอ และสาธารณสุขจังหวัด
สามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นๆ, สมาชิกในบ้านที่อาจมีความเสี่ยง รวมถึงการติดตามกลุ่มเฝ้าระวัง 14
วัน ในแต่ละครัวเรือนที่ได้อย่างเป็นระบบและทันต่อเหตุการณ์
พร้อมเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์
รายงานการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต เพื่อช่วยติดตาม
ผู้ที่มีความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตจากสถานการณ์โควิด-19
ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแสดงคำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้ อสม. ได้แนะนำความรู้
การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเบื้องต้น
รวมทั้งเป็นเครื่องมือเชิงรุกในการค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างทันท่วงที่
โดยจะเปิดให้บริการฟีเจอร์นี้ภายในเร็วๆนี้
2) มอบ
“ซิมฮีโร่” เพื่อสมาชิก
อสม. ให้ใช้งานแอปฯ อสม. ออนไลน์ ได้ไม่สะดุด เน็ตไม่รั่ว ค่าโทรราคาพิเศษ
สนับสนุน “ซิมฮีโร่”
ให้แก่ อสม. ทั่วประเทศ มอบอินเทอร์เน็ตสำหรับใช้งานบนแอปพลิเคชัน
อสม. ออนไลน์ ได้ฟรีไม่จำกัด ที่ความเร็ว 1 Mbps เล่นเน็ตไม่รั่ว
ที่ความเร็ว 128 kbps โทรทุกเครือข่ายวินาทีละ 2
สตางค์ ทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง นานสูงสุด 1 ปี
3) มอบฟรี
ประกันภัย ให้นักรบเสื้อเทา เพิ่มความอุ่นใจในการปฏิบัติงาน
มอบสิทธิ์ความคุ้มครองประกันภัยให้
อสม. ที่มีอายุระหว่าง 16 - 85 ปี ทั่วประเทศ ฟรี!
โดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี 50,000
บาท และรับความคุ้มครองชดเชยรายวัน 400 บาท/วัน สูงสุดไม่เกิน 15
วัน เมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
(ดูเงื่อนไขบริการได้ที่ www.ais.co.th/aorsormor)
โดย อสม. ที่ใช้บริการเครือข่าย
เอไอเอส หรือ อสม. ที่ัรับซิมฮีโร่ สามารถรับลิงก์ลงทะเบียนความคุ้มครองได้โดยกด *268*เลขบัตรประชาชน
13 หลัก# และกดเครื่องหมายโทรออก สมาชิก อสม.
ที่ลงทะเบียนถูกต้องจะได้รับข้อความ SMS ยืนยันความคุ้มครอง
ระยะเวลาเอาประกันภัย 30 วัน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) จากบริษัทประกันฯ
ภายในระยะเวลา 5 วันทำการ
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าวว่า “นับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563
ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้น
โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุขเป็นด่านหน้าสำคัญในการต่อสู้กับสงครามโควิด-19
ซึ่งนอกเหนือจากหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องแล้ว
กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในสนับสนุนการทำงานเชิงรุกของกระทรวงสาธารณสุข นั่นคือ
กลุ่ม อสม. ที่ทำงานด้วยหัวใจของความเป็นจิตอาสา
เข้าถึงชุมชนในแต่ละพื้นที่ของตัวเองได้อย่างทั่วถึง
เพื่อดูแลและส่งมอบความห่วงใยถึงคนในชุมชน
จนถึงวันนี้
ประเทศไทยได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆ
ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานอย่างหนักของทีม อสม. ทั่วประเทศ
ร่วมทำงานเชิงรุกในการค้นหาและตรวจคัดกรองผู้มีความเสี่ยงไปจนถึงผู้ติดเชื้อในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้เราสามารถติดตามตัวผู้ป่วยมารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
จนถึงขณะนี้เรียกได้ว่า
ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตของการแพร่ระบาดไปได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม
นี่เป็นสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เรายิ่งต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ที่อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ ดังนั้น เหล่า อสม.
จะยังเป็นกำลังหลักในการทำหน้าที่ตรวจสอบและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงในชุมชน
ทั้งจากการเดินทางมาจากพื้นที่อื่น และมีประวัติสัมผัสเชื้อ
เพื่อให้บุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการเฝ้าระวังและสังเกตอาการให้เร็วที่สุด
ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้อย่างทันท่วงที
จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุนร่วมด้วย
โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่
เอไอเอส
ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทรงประสิทธิภาพผ่านแอปพลิเคชัน
อสม.ออนไลน์ และยังได้พัฒนาฟีเจอร์คัดกรองและติดตามโควิด-19
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้ อสม.ใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังความเสี่ยง
คัดกรอง และติดตามผลกลุ่มเสี่ยงผู้ติดเชื้อโควิด-19
ในชุมชน พร้อมสนับสนุนระบบสื่อสาร ซิมฮีโร่ พร้อมแพ็กเกจ
ให้สมาชิก อสม. สามารถใช้งานเน็ตบน แอป
อสม.ออนไลน์ ได้ฟรีไม่จำกัด ทั้งยังได้รับความคุ้มครองประกันภัย เพื่อสมาชิก อสม.
ที่คุ้มครองการเสียชีวิต ทุกกรณี
และค่าชดเชยรายวันเมื่อพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19
อันจะช่วยสร้างความอุ่นใจและเป็นกำลังใจให้สมาชิก อสม.ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีต่อไป
ขอขอบคุณ สำหรับหัวใจจิตอาสาของ
อสม.ทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเททำงานเพื่อชุมชนและประเทศของท่านอย่างเต็มกำลังความสามารถ
และขอบคุณภาคเอกชนที่ใช้ขีดความสามารถเข้ามาร่วมในภารกิจต้านภัยโควิดในครั้งนี้ และผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า แอปฯ อสม.ออนไลน์
พร้อมฟีเจอร์ใหม่เฝ้าระวังไวรัสโควิด-19
จะเป็นเสมือนการติดอาวุธดิจิทัลให้กับเจ้าหน้าที่นักรบเสื้อเทาของเรา
สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี”
ไม่มีความคิดเห็น: