ที่บริเวณโกดังเก็บสินค้า ท่าเรือเอ 3
ภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายนิมิตร แสงอำไพ
ผู้อำนวยสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสงค์
ศิริทิพย์วานิชย์ ผกก. สภ.แหลมฉบัง ตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนกรมการค้าภายใน
และตัวแทนจากบริษัทผู้ส่งออกหน้ากากอนามัย ได้ร่วมกันเปิดตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 4 ใบ
ซึ่งภายในบรรจุหน้ากากอนามัย หลากหลายชนิด ทั้งแบบธรราดา แบบใช้ในทางการแพทย์
แบบพรีเมี่ยม รวมทั้งสิ้นกว่า 5.6 ล้านชิ้น แบ่งออกเป็นตู้คอนเทนเนอร์ละ
1.4 ล้านชิ้น โดยสินค้าดังกล่าว
ผลิตที่บริษัทแห่งหนึ่ง ภายในประเทศไทย แล้วส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งขนถ่ายขึ้นเรือบรรทุกสินค้า ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง
โดยก่อนหน้านี้มีการตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 6 ใบ ที่บรรจุหน้ากากอนามัย
ของบริษัทดังกล่าว ถูกส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่งผลให้เมื่อเร็วๆนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
มีคำสั่งด่วนให้ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน
มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
ในการบริหารจัดการของรัฐบาล หลังจากนั้นนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน
ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราช โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาสุขภาพ
หลังจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563
ได้มีประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม และมีมาตรการห้ามส่งออกแล้ว
และที่ให้ส่งออกได้กำหนดคุณสมบัติพิเศษ คือใช้ในทางการแพทย์ และโรงงานอุตสาหกรรม
เป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ และไม่สามารถนำมาใช้ในประเทศได้
รวมทั้งโรงงานผู้ผลิตที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
จะต้องผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมด
ทั้งนี้จากการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ ทั้ง 4 ใบ
พบหน้ากากอนามัย หลากหลายชนิด ทั้งแบบธรราดา แบบใช้ในทางการแพทย์ แบบพรีเมียม
โดยมีตัวแทนบริษัท นำหลักฐานเอกสาร หลักฐานการเสียภาษี หลักฐานการอนุญาติส่งออก
จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ด้านนายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง
กล่าวว่า ปกติแล้ว บริษัทดังกล่าว
มีประวัติการส่งออกหน้ากากอนามัย อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิค 19 และสำหรับบริษัทดังกล่าว
ก็ได้รับสิทธิจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อายุสัญญาเป็นเวลา 1 ปี
ในการส่งออกหน้ากากอนามัย ส่วนสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง
จะมีหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้า และส่งออกตู้คอนเทนเนอร์ ผ่านเครื่องเอกซเรย์
ว่าถูกหรือผิดกฎหมาย หรือการสำแดงเท็จ เท่านั้น
โดยสิ่งที่เรากลัวมากที่สุดไม่ใช่การสำแดงหน้ากากอนามัย แต่เป็นพวกสำแดงเท็จ เช่น
ชิ้นส่วนผ้า อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า สำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง
ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดและตรงไปตรงมา
ไม่มีความคิดเห็น: