วันที่
10 ธันวาคม 2561
เวลา 19.45
น.ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านทอเยาวราชกรุงเทพ สาขาชลบุรี ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2
ของห้างบิ๊กซี สาขาแยกอ่างศิลา หมู่ 3 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง
จังหวัดชลบุรี โดยจากภาพคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี
สวมเสื้อยืดคอกลม กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าข้างสีน้ำตาล สวมแว่นตาดำ
ใส่แมสปิดบังใบหน้า เดินเข้ามาที่หน้าร้านก่อนใช้อาวุธปืนตบเข้าที่ศรีษะด้านหลังของพนักงานชายที่ยืนอยู่หน้าตู้ทองบริเวณหน้าร้านหลังจากนั้นได้กระโดดข้ามตู้ทองเข้าไปกวาดทองรูปพรรณ
น้ำหนักรวม 42 บาท มูลค่ากว่า 840,000
บาทหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.เสม็ดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักกฐานตำรวจภูธรภาค 2 ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายได้ทำซองบรรจุลูกปืนตกที่บริเวณหน้าร้านทองตรวจสอบพบว่าเป็นขนาด.380
แต่เป็นซองบรรจุกระสุนปืนปลอม ลักษณะเหมือนปืน บีบีกัน
จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดยช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่ไม่มีลูกค้าเพราะห้างใกล้จะปิดแล้ว หลังเกิดเหตุคนร้ายได้วิ่งลงมาและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางด้านหลังห้าง
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดติดตามตัวคนร้ายรายนี้ต่อไป
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
2
ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคดีคนร้ายถืออาวุธปืนปลอมบุกเดี่ยวชิงทองรวมทั้งสิ้น
53 บาท
มูลค่า 1 ล้านกว่าบาท
เมื่อเวลา
23.00 น.
วันที่ 10 ธันวาคม 2561 พล.ต.ท.จิตติ
รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
2
เดินทาง มายังห้องประชุมชั้น 3 สภ.เสม็ด อ.เมือง
จ.ชลบุรี
เพื่อติดตามคดีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองรูปพรรณ เหตุเกิดภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี-โฮมโปร ม.3 ต.เสม็ด
อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00
น. โดยมี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล ผู้กำกับการ
สภ.เสม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เสม็ด สืบสวน ภจว.ชลบุรี และชุดสืบสวนภาค 2
เข้าร่วมประชุม
โดยมีเบาะแสจากประชาชนที่อยู่ในห้างและเห็นเหตุการณ์รายหนึ่งว่าก่อนหน้านี้ 2
วันเคยเห็นลักษณะเหมือนผู้ก่อเหตุมาเดินวนเวียนดูร้านทอง
จนมาในวันนี้ก้เข้ามาก่อเหตุชิงทองไป
โดยพล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2
เปิดเผยว่า ความคืบหน้าทางคดีล่าสุด
ทางร้านทองได้แจ้งมาว่าเมื่อตรวจสอบทองรูปพรรณที่ถูกคนร้ายโจรกรรมไปอย่างละเอียด พบว่า
รวมทั้งสิ้น 53 บาท
มูลค่าราว 1 ล้านบาทเศษ ใชเวลาในการก่อเหตุเพียง 1
นาที
ซึ่งขณะนี้ได้ทำการแบ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกเป็น 3 ชุด
ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เสม็ด เจ้าหน้าที่สืบสวน ภจว.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค 2 กระจายกำลังตรวจสอบ 3
เรื่อง คือ เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด ตรวจสอบรูปพรรณคนร้ายโดยละเอียด เส้นทางที่ใช้หลบหนี เรื่องพยานบุคคลพยานแวดล้อมต่าง ๆ
ทำการสอบสวนหาข้อมูล และ เรื่องหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ตรวจหาดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝง
ซึ่งจากพฤติกรรมคนร้ายพบว่าไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับการก่อเหตุ ปล้นร้านทองภายในห้างโลตัสชลบุรีเมื่อวันที่ 22
พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา
และจากนี้จะได้ทำการประสานไปยังร้านทองต่าง ๆ ทั่วทั้งจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียง
หากพบผู้ต้องสงสัยหรือมีผู้นำทองคำรูปพรรณมาจำนำ จำหน่าย
ให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เชิญพนักงานร้านทองจำนวน
3 คนมาสอบสวน โดยนายธวัชชัย แก้ววงษา
อายุ 21 ปี
พนักงานของร้าน ที่ถูกคนร้ายใช้ด้ามปืนตบเข้าที่หัว ให้ข้อมูลว่า
ช่วงเกิดเหตุตนเองได้ยืนอยู่หน้าร้านอยู่ก็มีคนร้ายวิ่งเข้ามาพร้อมใช้ด้ามปืนตบเข้าที่หัวตนเอง
1 ครั้ง ก่อนจะเข้ามากวาดทองในร้าน
หลังเกิดเหตุตนเองได้วิ่งตามไปพบว่าคนร้าย
อายุราว 30 ปีเศษ
ใช้รถจักรยานยนต์ รุ่นสกู๊ปปี้ไอ
สีขาว-ชมพู
ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน
เนื่องจากคนร้ายเอาเสื้อคลุมปิดบังไว้เป็นยานพาหนะ
โดยหลังจากก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางด้านหลังของห้าง
เสียงนายธวัชชัย
พนักงานร้านทอง...........
เสียง
พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2.........
ไม่มีความคิดเห็น: