เอไอเอส มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยภายใต้แนวคิด
“Digital
For Thais” นำเทคโนโลยีดิจิทัล ร่วมสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่สังคมและประเทศใน
4 แกนหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของประเทศ พร้อมยกระดับเกษตรกรที่เป็นอาชีพหลักของชาติให้ก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล
นางวิไล
เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส กล่าวว่า เอไอเอสมุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมดิจิทัลไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งในรากฐานหลักของประเทศ
ผ่านแนวคิด “Digital
For Thais”เพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างโอกาสการเข้าถึงและความเท่าเทียมกันของเทคโนโลยีไปสู่ประชาชน
ในโครงสร้างพื้นฐานหลัก 4
ด้านที่สำคัญของประเทศ ทั้งด้านการศึกษา การเกษตร สาธารณสุข
และธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อขับเคลื่อนประเทศก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั่วประเทศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
โดยด้านการศึกษา
ซึ่งเป็นรากฐานอันสำคัญในการพัฒนาคนให้มีศักยภาพเอไอเอสจึงได้เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลทั้งวิชาการและสาระบันเทิง
ด้วยการติดตั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและมอบกล่องสานรัก สานความรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กๆ
ที่อยู่ห่างไกลทั่วประเทศซึ่งปัจจุบันได้ติดตั้งกล่องสานรักฯ ให้กับโรงเรียนต้นแบบไปแล้ว
จำนวน 34
แห่งด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน
แต่เนื่องจากในปัจจุบันการประกอบอาชีพของเกษตรกร รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคสินค้าเปลี่ยนแปลงไป
เอไอเอสจึงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมการทำงานของเกษตรกรให้ก้าวไปสู่เกษตรกร 4.0ด้วยแนวคิด “สอน เสริม สร้าง” ผ่านแพลตฟอร์มฟาร์มสุขเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลสำคัญในการทำการเกษตร
เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิตของเกษตรกรให้สูงขึ้นรวมทั้งยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มร้านฟาร์มสุข
เพื่อเป็นช่องทางตลาดออนไลน์ให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่หลากหลายจากทั่วทุกภูมิภาค
นอกจากนี้เอไอเอสเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกๆด้าน
จึงได้ส่งเสริมการทำงานด้านสาธารณสุขผ่าน“แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์”เครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่ม
เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารในการปฎิบัติงานด้านสาธารณสุขชุมชนเชิงรุกของหน่วยบริการสุขภาพ
และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างสมาชิกในกลุ่ม
ทำให้สามารถรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร
ความเคลื่อนไหวด้านสาธารณสุขและภัยสุขภาพในชุมชนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ถูกต้องแม่นยำ สามารถใช้งานได้กับทุกเครือข่าย
แต่เมื่อใช้งานบนเครือข่ายเอไอเอสจะไม่เสียค่าบริการอินเทอร์เน็ตปัจจุบันหน่วยบริการสุขภาพและรพ.สต.เปิดใช้งานแอปฯอสม.ออนไลน์
จำนวน 2,200แห่งทั่วประเทศ
และมีผู้ใช้งานจำนวน 48,000คน
สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
เอไอเอสได้ร่วมพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพรวมถึงผู้ประกอบการในระดับชุมชน โดยนำความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไปส่งเสริมให้แก่ผู้ประกอบการ
และวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการต่างๆในการไปต่อยอดธุรกิจ
และพัฒนาสินค้าให้สามารถเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน
ด้านนายประวิตร จิตรปัญญาหัวหน้าส่วนงานปฎิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก
เอไอเอสกล่าวว่า
“ในพื้นที่ภาคตะวันออก
ได้ขยายโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั้ง 4 ด้านให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม โดยด้านการศึกษาผ่านโครงการ“สานรัก
สานความรู้”ด้วยการติดตั้งกล่องสานรักฯให้แก่โรงเรียนต้นแบบในภาคตะวันออกไปแล้ว
จำนวน 2 แห่ง สำหรับด้านการเกษตร ในพื้นที่ภาคตะวันออกมีร้านค้าที่นำสินค้ามาจำหน่ายบนร้านฟาร์มสุข
จำนวน 30ร้านค้า สินค้า จำนวน 192
รายการ
ด้านสาธารณสุขในพื้นที่ภาคตะวันออกมีการเปิดใช้แอปฯอสม.ออนไลน์
จำนวน185แห่ง สำหรับการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพในภาคตะวันออกเอไอเอสได้ร่วมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพรวมถึงผู้ประกอบการในระดับชุมชน
โดยนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการต่างๆเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ
และพัฒนาสินค้าให้สามารถเติบโตในเชิงธุรกิจทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน
โดยในส่วนของภาคตะวันออก เอไอเอส ได้เตรียมความพร้อมด้านเครือข่าย
รวมถึงไอทีแพลตฟอร์ม และโซลูชั่นส์ต่างๆ เช่น ระบบเก็บเงิน, ระบบการทำตลาดออนไลน์
ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในพื้นที่ พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากเอไอเอสที่คอยให้คำแนะนำ
และสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ AIS The StartUpซึ่งผู้สนใจสามารถสมัครผ่านทาง www.ais.co.th/thestartup ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนอกจากนี้ ยังได้วางแผนที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ดังกล่าว
ไปยังสถาบันการศึกษา กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs และผู้ที่สนใจ
เพื่อมาร่วมเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์กับครอบครัว AIS The StartUpเพื่อสนับสนุนแนวคิดที่สร้างสรรค์และไอเดียของกลุ่มผู้สนใจเหล่านี้ให้เป็นความจริง”
นายพงษ์ศักดิ์ ตันวิสุทธิ์
หัวหน้าส่วนงานดิจิทัลฟอร์ไทยเอไอเอส กล่าวว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร
เอไอเอสได้พัฒนาแพลตฟอร์มฟาร์มสุขเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพโดยมีส่วนประกอบสำคัญ
คือ แอปพลิเคชัน “ฟาร์มสุข”ซึ่งจะเป็นคลังความรู้และภูมิปัญญาต่างๆให้เกษตรกรไทยเข้าถึงข้อมูลสำคัญในการทำการเกษตร
ทั้งในรูปแบบของวิดีโอ บทความ
และเทคโนโลยีต่างๆ อาทิเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในแปลงเพาะปลูกจากอุปกรณ์ NB-IOT ข้อมูลราคาซื้อ-ขายผลผลิตทางการเกษตร
รวมไปถึงข้อมูลด้านการพยากรณ์อากาศที่มีความแม่นยำสูง
เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังได้สร้างช่องทางตลาดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน
“ร้านฟาร์มสุข”ให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป
รวมถึงสินค้าที่เป็นภูมิปัญญาของชุมชนหรือ OTOP โดยเอไอเอสมีทีมงานที่ช่วยบริหารจัดการให้เข้าถึงเทคโนโลยีและช่องทางการจัดจำหน่าย
ทั้งการแนะนำการทำตลาดออนไลน์ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์
การถ่ายภาพสินค้าให้น่าสนใจ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าสร้างโอกาส
สร้างรายได้ และยกระดับการจำหน่ายสินค้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าสู่ช่องทางออนไลน์
สอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
ของภาครัฐอย่างแท้จริง
สำหรับผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
“ร้านฟาร์มสุข” ได้ทั้งระบบ iosและ Android
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มผ่านทาง
Facebook Fan page “ร้านฟาร์มสุข &Farmsuk”
www.aisfarmsuk.com
ไม่มีความคิดเห็น: