เมื่อวันที่
28 กรกฎาคม 2561
ที่บริเวณ อ่าวสัปปะรด เกาะขามใหญ่ ตำบลท่าเทววงค์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
นายดำรงค์ เภตรา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง
ได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกาะขามใหญ่ว่ามีผู้ลักลอบนำขยะมาทิ้งบริเวณอ่าวสัปปะรดกว่า 100
ถุง จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเกาะสีชังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสำรวจในจุดที่พบขยะในบริเวณอ่าวสัปปะรดพบว่าที่แห่งนี้อยู่บริเวณหลังเกาะขามใหญ่มีถุงสีดำวางอยู่เป็นจำนวนมาก
ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลจึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในถุงดำพบว่าเป็นขยะที่มีฉลากต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมากโดยได้แยกขยะที่พบเป็นจำพวกขยะที่เกิดจากการกินใช้
ขยะปนเปื้อนน้ำมันและอันตราย หลอดไฟ โฟม โดยที่น่ากังวลที่สุดเห็นจะเป็น
ยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่หมดอายุได้ถูกนำมาทิ้งด้วย
จากการสอบถามนางวาสนา บุญรอด
ประธานชุมชนบ้านเกาะขามใหญ่กล่าวว่าขยะถูกนำมาทิ้งเมื่อวันที่ 27
กรกฎาคม 2561 เวลาประมาน 18.00 น.
– 19.00 น. เป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุดของวัน
ซึ่งทำให้สามารถนำเรือเข้ามาเทียบถึงชายหาดเพื่อนำเอาขยะมาทิ้งตรงพื้นที่ดังกล่าวได้
และคาดว่าขยะที่พบในครั้งนี้น่าจะเป็นขยะจากเรือรับจ้างที่วิ่งให้บริการกับเรือสินค้าต่างประเทศแอบลักลอบมาทิ้ง
ที่อ่าวสัปปะรดแห่งนี้เพราะจากการตรวจดูข้างในพบว่าฉลากบนผลิตภัณฑ์เป็นเป็นภาษาจีน
ภาษาอังกฤษและภาษาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งไม่มีฉลากเป็นภาษาไทยเลย
ทางด้านนายเฉลิมชัย ปฏิสา อายุ 60ปี
ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบนเกาะขามใหญ่กล่าวว่าที่ผ่านมาเกาะขามใหญ่แห่งนี้ได้ถูกผู้ลักลอบนำขยะมาทิ้งหลายครั้งแล้วจากการนำเรือมาเทียบในวันที่น้ำขึ้น
การโยนถุงขยะลงทะเลโดยตรงบริเวณเกาะขามใหญ่และถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นที่หาดเกาะขามใหญ่
จนถูกมองว่าเป็นเกาะกองขยะจนมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่มาขยะถูกลักลอบทิ้งมากที่สุดและน่ากลัวที่สุดเพราะในครั้งนี้มีทั้งยาที่หมดอายุ
มีทั้งหลอดไฟ
จึงอยากจะขอวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาช่วยในการกวนขันไม่ให้พวกที่มักง่าย
ไม่มีความรับผิดชอบนำขยะมาทิ้งที่เกาะขามใหญ่อีก
ทางด้านนายดำรง เภตรา
นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชังกล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเกาะสีชังไปตรวจดูขยะจากผู้ที่ลักลอบขยะมาทิ้งที่อ่าวสัปปะรดเกาะขามใหญ่จนมีชาวบ้านที่พบเห็นมาร้องเรียนที่เทศบาลพบว่าขยะที่ถูกนำมาทิ้งเป็นขยะที่ไม่ใช่ขยะภายในประเทศไทยเป็นขยะของเรือสินค้าต่างประเทศแน่นอนเพราะว่าดูจากฉลากบนผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำมาทิ้งไม่ใช่สิ้นค้าที่ใช้กันทั่วไปในประเทศไทยเลยรวมทั้ง
หลอดไฟ ผ้าที่ปนเบื้อนน้ำมัน
ยาที่หมดอายุถือว่าเป็นขยะที่ปนเปื้อนสารเคมีเป็นอันตรายต่อผู้ที่ได้สัมผัสเป็นเรื่องนี้น่ากลัวมาก
ซึ่งที่ผ่านมาในการกำจัดขยะถ้าเป็นที่ฝั่งที่มีท่าเทียบเรือน้ำลึกอย่างท่าเรือแหลมฉบังเรือสินค้าที่เข้าไปเทียบต้องมีการสำแดงขยะทั้งปริมาณ
จำแนกขยะทุกครั้งและจะมีบริษัทกำจัดขยะที่ถูกต้องตามกฎหมายมารับขยะเหล่านั้นไปทำลาย
แต่จะแตกต่างกับเทศบาลตำบลเกาะสีชังที่เป็นท่าทอกสมอเรือธรรมชาติกลางทะเล
ซึ้งผู้ที่มีหน้าที่ในการขึ้นไปตรวจสอบขยะในเรือทุกลำที่อยู่ในน่านน้ำของประเทศไทยคือกรมเจ้าท่าด้วยบุคลากรที่ไม่เพียงพอจึงทำให้การตรวจสอบไม่สามารถตรวจได้ทุกลำ
ในการนำขยะออกจากเรือสินค้าต่างประเทศในอดีตที่ผ่านมาจึงใช้วิธีจ่างเรือพ่อค้า
แม่ค้าที่นำสินค้าไปขายให้กับเรือใหญ่นำไปขยะเหล่านี้ไปกำจัดต่อ โดยผ่านเอเย่นของเรือที่จะได้ผลประโยชน์จากการนำขยะเหล่านี้ออกจากเรือซึ่งตามกฎหมายของประเทศไทยถ้าจะขนย้ายขยะต้องมีใบอนุญาตในการขนย้าย
เรือที่รับขยะมาโดยไม่มีใบอนุญาติถือว่าผิดกฎหมายจึงทำให้ไม่สามารถนำขยะไปกำจัดได้อย่างถูกวิธี
เรือเหล่านี้จึงเลือกการใช้วิธีการทิ้งขยะลงทะเลหรือแอบลักลอบนำขยะมาทิ้งที่ชายฝั่งเกาะสีชัง
เกาะขามใหญ่และเกาะอื่น ๆ บ่อยครั้ง
ซึ่งในตอนนี้มีบริษัทที่ได้รับหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่านำขยะไปกำจัดต่อได้อย่างถูกกฎหมายแต่ในทางปฏิบัติจริงกลับไม่เป็นที่นิยมใช้บริการมากนักเพราะเอเย่นเรือสิ้นค้าต่างประเทศจะไม่ได้รับส่วนต่างในการขนย้ายขยะจึงทำให้ยังคงมีผู้ลักลอบทิ้งขยะในทะเลอย่างผิดกฎหมายอยู่
ในส่วนของจังหวัดชลบุรีได้ร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะสีชังกำลังจะใช้กฎหมาย
พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มาตรา 17 มาบังคับใช้
ซึ่งจะมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงมากขึ้นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับมอบอำนาจเป็นเจ้าพนักงานในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมีอำนา
จะสามารถทำให้ผู้ที่คิดจะลักลอบทิ้งขยะอย่างไม่ถูกกฎหมายหยุดพฤติกรรมดังกล่าวได้
ไม่มีความคิดเห็น: