18 มกราคม 2561: เมื่อวันที่ 13 และ 17
มกราคม 2561 ที่ผ่านมาโครงการสานรัก สนับสนุนสถาบันครอบครัว
จัดกิจกรรม “เอไอเอสยิ้มหวานวันเด็ก”
ครั้งที่ 18 ตอน “Digital Kids” เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้รับประสบการณ์และรู้จักเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัล
พร้อมกระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
และได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านกิจกรรมความบันเทิงและสนุกสนานร่วมกับครอบครัว
นายประวิตร
จิตรปัญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานภูมิภาค ภาคตะวันออก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด
(มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โครงการสานรัก
สนับสนุนสถาบันครอบครัวจากเอไอเอส ได้ให้ความสำคัญกับครอบครัวและจัดกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ
เพื่อเป็นสื่อกลางให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว
ซึ่งวันเด็กก็นับเป็นหนึ่งวันสำคัญที่เอไอเอสจัดกิจกรรมพิเศษให้เด็กๆ ทุกกลุ่ม
ทุกภาคทั่วประเทศ ภายใต้งาน “เอไอเอส ยิ้มหวานวันเด็ก” โดยในปีนี้
ใช้ชื่อตอนว่า Digital Kids สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กประจำปี 2561
คือ “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี”
เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ทั่วประเทศ ได้สนุกกับกิจกรรมสนุกสนาน
พร้อมได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัล
เริ่มด้วยกิจกรรม “เอไอเอส
ยิ้มหวานวันเด็ก” ตอน “Digital Kids ที่ภาคตะวันออก
เอไอเอส
สร้างสรรค์โอกาสให้เด็กๆ
จากโรงเรียนวัดบางนาง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ทั้งหมด 50 คน ได้เปิดโลกทัศน์
โดยพาไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่พร้อมเปิดโลกจินตนาการไปกับการผจญภัยตะลุยโลกไดโนเสาร์
จูราสสิค ที่สวนสนุกฮาร์เบอร์แลนด์
ตึกคอม ชลบุรี ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้เด็กๆ ได้เห็นโลกกว้างมากขึ้น
อีกทั้งยังได้นำเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา มอบให้กับน้องๆ
เพื่อส่งเสริมให้เด็กไทย ก้าวไกลสู่ยุค Thailand 4.0
อีกทั้งเอไอเอสได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
จัดกิจกรรมเอไอเอสยิ้มหวานวันเด็ก เพื่อสานสัมพันธ์คนในครอบครัว
ผ่านกิจกรรมที่ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัล เช่น
เครื่องเล่มเกมผ่านหน้าจอทัชสกรีน ช่วยเพิ่มความสนุกและให้เด็กๆ
มีประสบการณ์ตรงในการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน พร้อมมีของขวัญ
มอบความสุขให้เด็กๆ ทั่วประเทศ ได้กลับบ้านอย่างมีความสุขด้วย
“เอไอเอส
มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมไทย
ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนไทยซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
ได้รับโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมกัน การได้เปิด โลกทัศน์ในครั้งนี้ หวังว่าน้องๆ
จะได้รับประโยชน์ที่แตกต่างจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียน ได้พบเพื่อนใหม่
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญ เด็กๆ จะต้องรู้จักสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว
รู้จักตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบ
ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากบนโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ซึ่งพวกเขาจะเติบโตเป็น เมล็ดพันธุ์ที่จะช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้า
และความมั่นคงให้กับประเทศชาติในอนาคตสืบต่อไป”
นายประวิตร กล่าวสรุป
ไม่มีความคิดเห็น: